วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

การผ่าตัดเสริมสวยจมูก



วิธีการผ่าตัด
                การเสริมจมูกจะใช้การผ่าตัดขนาดเล็ก และเกือบจะทั้งหมดใช้ในการเสริมด้วยซิลิโคน (Medical Grade Silicone) ที่ยอมรับถึงความปลอดภัยสูง  โดยสอดผ่านทางรอยผ่าตัดนี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก  แพทย์จะเริ่มผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก  ซึ่งแผลเหล่านี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก  แพทย์จะเริ่มผ่าตัดโดยการออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้า  และโครงสร้างจมูกก่อน  จากนั้นจึงเริ่มการเสริมจมูกโดยการฉีดยาชาพาะบริเวณที่รอบจมูก  บางรายอาจใช้ยาสลบร่วมด้วยโดยการฉีดยาหรือกินก็มี  สำหรับผู้ที่จะทำเกิดตื่นเต้นมาก  แต่ส่วนใหญ่ใช้ยาชาก็พอแล้ว  หลังผ่าตัดก็สามารถกลับบ้านได้ทันที  แพทย์จะนัดมาตรวจดูอีกครั้ง 7 วันให้หลัง  เพื่อตัดไหมและตรวจดูความเรียบร้อย

การดูแลหลังผ่าตัด
                โดยทั่วไปแล้วมักไม่จำเป็นต้องปิดแผลบริเวณที่จมุกเลย  สามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันทีโดยที่คนทั่วไปอาจไม่สังเกตความผิดปกติ (ขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ด้วย)  นอกจากอาการบวมปูดให้ผิดสังเกต  แต่แพทย์บางคนอาจนิยมใช้ Plaster ปิดบริเวณสันจมุกหรืออาจใช้เผือกดามบริเวณสันจมูกด้วย  แล้วแต่ความนิยมและประสบการณ์ของแพทย์แต่ละคน
                เมื่อกลับถึงบ้านให้ใช้ผ้าเย็นประคบโดยรอบจมูกประมาณ 1 -2 วัน  เพื่อไม่ให้มีเลือดออกจะได้มีอาการบวมน้อยลงลดอาการอักเสบ  จากนั้นวันที่ 3 – 4 เมื่อมีอาการบวมเต็มที่แล้วให้เปลี่ยนมาประคบด้วยผ้าอุ่นเพื่อลดอาการบวมให้ น้อยลง

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
                พอได้น้อย  ถ้าได้รัการผ่าตัดอย่างถูกต้องและมีการดูแลที่ดีพอ  อย่างไรก็ดีอาการแทรกซ้อนเหล่านี้ก็อาจเกิดขึ้นได้คือ
                1. จมูกที่เสริมเกิดความเอียง  ผิดรูปทรง  ถ้าคุณตรวจพบในระยะแรก 1 -2 สัปดาห์แรกที่แผลยังไม่เข้าที่  แพทย์อาจช่วยดัดให้เข้าที่ได้  ถ้าเกิดภายหลังอาจเกิดการชนหรือกระแทกบริเวณจมุกจะไม่สามารถตัดให้เข้าที่ ได้  มักจะต้องผ่าตัดใหม่
                2. เกิดอาการจมูกอักเสบ  เกิดขึ้นได้  ถ้ามีการติดเชื้อบริเวณที่ทำการผ่าตัด  หรือบางครั้งเกิดจากการอักเสบผิวหนังบริเวณใก้เคียง  เช่น  เป็นบริเวณจมูก  บ่อยครั้งที่มักเกิดจากการเสริมที่โด่งเกินไป  เพราะอยากได้จมูกเกิดความยืดตัวของผิวหนัง  จนเกิดแดงที่บริเวณปลายจมูก  และอาจทะลุออกมาได้



วงการแพทย์พยายามนำไขมันมาปลูกถ่ายรักษาจมูก
                “ปัญหาการทำไขมันมาศัลยกรรมจมูกนี้ได้มีความพยายามแก้ไขเรื่อยมา  เช่นทางคณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล  ได้เริ่มให้การรักษาที่ได้รับอุบัติเหตุ  กลุ่มคนไข้ที่จมูกบูดเบี้ยวมาตั้งแต่เกิด  หรือกลุ่มที่ไปรับการผ่าตัดจมูกมาแล้วเกิดอาการผิดปกติ  เช่น  กระดูกทรุดไม่สามารถใช้ซิลิโคนช่วยได้แล้ว  ลางคนก็ไม่ทำจมูกกับหมอเถื่อนมา  แล้วกลายเป็นเนื้องอก  เน่า  อักเสบ  เราก็ต้องตัดเนื้องอกออกก่อน  อต่พอเอาเนื้องอกออก  จมูกก็จะเสียรูปทรง  ก็ต้องเอาไขมันไม่ซ่อมหรือบางคนไปใส่ซิลิโคนแท่งมา  แล้วซิลิโคนทะลุ  พอเลาซิลิโคนออกมาก็ต้องเอาไขมันเข้าไปเสริมแทนส่วนที่ว่างไปเช่นกัน
                เราเคยช่วยคนข้มาพอสมควรประมาณ 80-90%  ของคนไข้ก็จะพอใจกับจมูกที่ทำให้ใหม่  แต่ก็มีบางรายที่ไขมันละลายซึมไปกับร่างกายเกือบหมด  ก็ต้องกลับมาทำครั้งที่ 2 วิธี  ซึ่งการทำโดยวิธีนี้ในระยะแรกๆ  นั้น  เราก็ต้องค้นหาวิธีจะทำให้ไขมันติดกับจมูกได้ดีที่สุด  ซึ่งในปัจจุบันก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ  ถึงแม้บางรายจะมีการละลายไปมาก  แต่ก็ยังเหลืออยู่อย่างน้อยก็ 20-30%  ซึ่งก็ถือว่าเป็นที่ทำให้ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสำหรับคนไข้ที่ มีปัญหาเรื่องจมูกได้มากขึ้นจริงๆ  และผลก็ออกมาได้ดี
                การใช้ไขมันเป็นการรักษา  ซึ่งเหมือนกับการปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ  ในร่างกายเช่นการตัดผิวหนังส่วนหนึ่ง  มาปะให้อีกส่วนหนึ่ง  ซึ่งการใช้ไขมันก็มีมานานมากแล้ว  ปต่การนำมาใช้กับจมูกนั้นมันจะติดยาก  ไม่เหมือนกับเราเอาข้าวไปหว่านในที่แล้ง  ทำให้ปลูกติดยากมาก  ตรงนี้ก็เป็นปัญหาที่เราแก้ไขปรับปรุงวิธีการ  เพื่อทำให้สามารถปลุกติดได้มาขึ้นเรื่อยๆ

ขั้นตอนการเสริมจมูกด้วยไขมัน
                “การทำนั้นซึ่งต้องมีการคัดไขมัน  เลือกไขมันด้วย  ซึ่งพอเราเอาไขมันออกมาแล้วก็ต้องเอาส่วนที่เป็นน้ำทิ้ง  ให้เหลือแต่เนื้อเยื่อที่เป็นไขมันจริงๆ  ซึ่งจะมีมากที่พุงของคนเรา  แต่ว่าเราใช้นิดเดียวประมาณนิ้วก้อยหรือ 5 cc
                เราเริ่มต้นจากการรักษาคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องของจมุกเสียทรง  ทั้งจากอุบัติเหตุ  การผ่าตัดเนื้องอก  ไซนัส  หรืออื่นๆ  กระทั้งเอามาใช้ในคนปกติ  เพื่อเป็นการเสริมความมั่นใจให้คนที่มีปัญหาในเรื่องของสันจมูก   ก็คือ “ศัลกรรมเพื่อบุคลิกภาพ”
                ปัญหาในเรื่องจมูกบี้  เป็นเรื่องของปมด้อยซึ่งการใช้ไขมันจะสามารถช้วยเสริมความั่นใจมากขึ้น  แต่การปลูกไขมันนั้น  ก็ขึ้นอยู่กับไขมันด้วย  และสภาพของผิวหนังด้วย  ถ้าหนังมันตึงกับเราใหส่เสื้อ  ถ้าใส่เสื้อรัดๆ  ก็จะเหมลือพื้ที่สำหรับปลุกไขมันได้น้อย  แต่ถ้าเรามีหนังมทากเราก็จะปลูกขัมนเข้าไปได้มากขี้น”

เสริมจมูกปลูกย้ายไขมัน
                “การเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายขัมน  เป็นนวัตกรรมเสริมความงามล่าสุดที่ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น  แก้ปัญหาที่เกิดจากการทำศัลยกรรมจมูกด้วยซิลิโคน  ที่พบบ่อยที่สุดคือกรณีซิลิโคนทพทะลุออกมาผิวหนังออกมา  ซึ่งสร้างความเจ็บปวดและทรมานให้กับผุ้ป่วยจำนวนมากในร่างกายมนุษย์เรานี่ แหละ  โดยนำมาจากการเจาะไขมันบริเวณสพดือและมีลักษณะเหมือนเอ็นข้อไก่มาใช้เสริม จมูก
                เมื่อทำการย้ายไขมัน (Graft)  มาปลุกใหม่บริเวณจมูก  เลือดบริเวณจมูกก็จะทำการหล่อเลี้ยงไขมันจนเหลือเป็นส่วนหนึ่งของจมูก  ซึ่งกรรมวิธีดังกล่าวไปยุ่งยากใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น  เนื่องจาการผ่าตัดตั้งทำอย่างรวดเร็วและรอบคอบที่สุด  เพื่อลดอาหารบอบซ้ำของร่างกาย
                การศัลกรรมด้วยวิธีนี้ไม่มีผลกระทบและผลข้างเคียงใดๆ  เนื่องจาไขมันไม่ไช่สารแปลกปลอมหรือวัสดุสังเคราะหืจึงไม่เป็นอันตรายใดๆ  ต่อร่างกาย  นอกจากนี้ยังเป็นไขมันของคนนั้นเองด้วย  และไขมันส่วนนี้ทำให้รูปทรงของจมูกสวยงามดูเป็นธรรมชาติ  และมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย
                การเอาไขมันมันออกมา  หมอจะจะเจาะรูที่หน้าท้อง (เล้กๆ  เท่านั้น)  และหยิบไขมันออกมาเป็นก้อน  หลังจากนั้นก็จะต้องตัดไขมันที่จะเอามาปลูก  ซึ่งตรงนี้ถือว่าต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์และความเชียวชาญ ของแพทย์  ซึ่งใช้เวลาในการเอาไขมันออกมาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น  เสร็จแล้วก็เย็บปากแผลนิดเดียว  ประมาณ 5 – 7 วันแผลก็หายสนิท
                เรื่องของรูปของทรงจมูกที่ทำนั้น  หมอก็มีหน้าที่จัดรูปทรงเหมือนกับเราปั้นตีกตาหมอมีหน้าที้ตรียมช่องสำหรับ ใส่นุ่นเข้าไป  หมอต้องเจาะรูที่ด้านในก่อน   ซึ่งเป็นแค่ร฿เล้กๆ  จากนั้นก็จะเอาไขมันส่วนที่คัดแล้วมาปลุกเข้าไป  หลังจากนั้นก้เย็ยปิกปากแผลแระมาณ 2 เข็ม  โดยปริมาณของไขมันที่จะปลูกเข้าไปนั้นขึ้นอยู่กับสภาพของหนังจมูกว่าสามารถ ยึดได้มากน้อยแค่ไหน
                การดูแลรักษาต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 3 เดือน  โดยอาทิตยืแรกต้องระวังมากหน่อย  หลังจากนั้นก็ต้องคอยดูว่าไขมันจะติดได้มากน้อยแค่ไหนก็จะมีปัจจัยอยู่  เช่น  วิธีการคัดไขมันที่เอามาปลูก  วิธีการใส่  การดูแลรักษา  และขึ้นอยู่กับเนื้อเยื้อของไขมัน”

ผลวัยรุ่นติดน้อยกว่าที่คาด
                “ผลเฉลี่ยของเนื้อเยื่อไขมันจะติดอยู่ที่ประมาณ 50% ที่ต้องบอกว่าเฉลี่ยก้เพราะแล้วแต่ละคนจริงๆ  บางคนอาจติดง่ายบางคนก็ติดยาก  ซึ่งในวัยอายุปรมาณ 40 – 50 ปี  จะปลูกตดกว่า 70% ซึ่งเหตุผลกำลังอยู่ในการวิจัยหาคำตอบต่อไป
                ส่วนในเรื่องของราคาในการทำนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราไปทำที่ไหนมากกว่า  ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลรัฐ  และเอกชน  และการใช้ซิลิโคนแท่งก็ยังถือว่าปลอดภัยอยู่  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจ  และดุลยพินิจของแพทย์  ซึ่งต้องดูจมูกของคนไข้ว่าจะเหมาะกับการเสริมแบบไหน  ซึ่งบางคนอาจจะต้องใช้ทั้ง 2 ชนิดเลยก็มี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น